logo

4 ปัจจัยที่มีผลต่อการขึ้นลงของราคาทองคำ

1. การปรับขึ้นปรับลงของอัตราดอกเบี้ย

หากนโยบายดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น จะแสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรฐกิจที่เริ่มดี ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำก็จะปรับตัวลง ในทางกลับกัน หากนโยบายดอกเบี้ยถูกลดลง จะแสดงให้เห็นถึงสภาะเศรษฐกิจที่เริ่มไม่ดี ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง ความเชื่อมั่นที่ลดลง และราคาทองคำก็จะปรับตัวสูงขึ้น

2. ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำเป็นอย่างมาก ซึ่งราคาน้ำมันเป็นตัวที่ทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองคำก็จะสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาน้ำมันถูกปรับตัวลดลง สภาวะเงินเฟ้อก็จะลดลง และราคาทองคำก็จะปรับตัวลงตามกัน
3. ค่าเงินดอลลาร์

เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินที่มีการใช้กันมาก อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ยังเป็นสื่อกลางที่ใช้ในการซื้อ-ขาย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนกับราคาทองคำ
การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง จะส่งผลดีกับราคาทองที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ที่สามารถเก็บมูลค่า และส่งผลให้กระแสเงินของแต่ละประเทศไหลเข้าสู่ทองคำ และทำให้ราคาทองคำมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น จะส่งผลราคาทองคำปรับตัวลง และนักลงทุนทองคำจะหันมาลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทน 
4 Demand และ Supply (ความต้องการ)

Demand หรือ อุปสงค์
 คือความต้องการในทองคำ ที่มาจาก 3 กลุ่มใหญ่หลักๆ ได้แก่ ภาคเครื่องประดับ ภาคการลงทุน และภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ รวมไปถึงการที่ภาครัฐของแต่ละประเทศ มีการนำทุนสำรองไปซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการเกาะตัวอยู่ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 

หากมีความต้องการที่จะซื้อทองคำสูง จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอีกด้วย และในทางกลับกัน หากมีความต้องการซื้อทองคำต่ำ ราคาทองคำก็จะถูกปรับลงด้วยเช่นกัน

Supply หรือ อุปทาน คือ ความต้องการขายทองคำ ที่มาจาก 3 กลุ่มใหญ่หลักๆ ได้แก่ ผลผลิตทองคำที่มาจากเหมืองทอง แรงขายจากธนาคารกลางของแต่ละประเทศ และสุดท้ายปริมาณทองคำเก่าๆที่มีการหมุนเวียนอยู่ในระบบ

Demand และ Supply หรือความต้องการภายในประเทศไทย จะพิจารณาจากอัตรา Gold Spot และค่าเงินบาทของไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้แล้วยังต้องคำนึงถึงความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อการที่จะตัดสินใจประกาศราคาทองคำภายในประเทศ ของแต่ละครั้ง
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม