logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2567

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.08 จุด หรือ 0.08% มาอยู่ที่ระดับ 104.25 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.277% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.722% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.45% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ หรือราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น  หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Stifel กล่าวว่า สาเหตุสำคัญมาจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เน้นนโยบาย “soft landing” มากเกินไป จนละเลยที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
  • นักเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการสำรวจของรอยเตอร์ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลัก 2 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามยังมีผลสำรวจบางส่วนชี้ให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงที่เฟดอาจจะปรับลดเพียงครั้งเดียวหรือไม่มีปรับลดเลยในปีนี้เช่นเดียวกัน
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังเผชิญกับความกดดันด้านเงินเฟ้อที่คล้ายคลึงกับ FED มากขึ้นเรื่อยๆ เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในยูโรโซน ทำให้เกิดความกังวลว่า ECB อาจเผชิญกับอุปสรรคในการลดดอกเบี้ย เช่นเดียวกับ FED ซึ่งโดยจะมีการประชุมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความหวังที่ว่าข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,807.33 จุด เพิ่มขึ้น 96.04 จุด หรือ +0.25%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,354.03 จุด เพิ่มขึ้น 62.69 จุด หรือ +1.18% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,187.90 จุด เพิ่มขึ้น 330.86 จุด หรือ +1.96%
  • การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 152,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
  • สหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 50% ในการสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 28.10 ดอลลาร์ หรือ 1.20% ปิดที่ 2,375.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 45.6 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 30.073 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,000.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 29.29 เหรียญ หรือ 1.26% อยู่ที่ระดับ 2,356.1 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 833.65 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ซื้อสุทธิ 1.44 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 45.46 ตัน
  • สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ยอดซื้อทองคำสุทธิโดยธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะระดับ 33 เมตริกตันในเดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่ยอดซื้อทองคำสุทธิอยู่ที่ระดับเพียง 3 ตัน โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทองคำยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากจากธนาคารกลางทั่วโลก แม้ราคาจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ เนื่องจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน และช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 74.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 78.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมันได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง และจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
  • นอกจากนี้ ความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
  • รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์  โพลล์คาดราคาน้ำมันดิบสหรัฐมีมีแนวโน้มว่าจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 79.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2024 โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 80.46 ดอลลาร์
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

ราคาทองทองคำทรงตัวก่อนการประชุมเฟดในคืนนี้

นักลงทุนรอติดตามทิศทางความชัดเจนของนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งหากเฟดดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายลงจะส่งผลหนุนราคาทองคำ แต่หากเฟดยังย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอาจส่งผลกดดันราคาทอง

อ่านเพิ่มเติม

ราคา Bitcoin กลับลำพุ่งแตะระดับ 31,000 ดอลลาร์หลัง BlackRock ยื่นขอจด Bitcoin ETF อีกรอบ

ล่าสุดราคา Bitcoin ดูเหมือนจะสามารถฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง หลังมีรายงานว่า BlackRock ได้ยื่นขอจด Bitcoin ETF รอบใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin กลับลำยืนเหนือ 31,000 ดอลลาร์

อ่านเพิ่มเติม

SEC ชะลอการตัดสินใจอนุมัติ Bitcoin ETF ของ BlackRock และ Valkyrie อีกครั้ง

ข้อเสนอ Bitcoin Spot ETF ของ Ark บริษัทจัดการสินทรัพย์, 21Shares บริษัทจัดการสินทรัพย์ คริปโต และ GlobalX บริษัทจัดการสินทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตัดสินใจพร้อมกันในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567

อ่านเพิ่มเติม