- เมื่อวันก่อนราคาทองปรับตัวขึ้น 5.96 ดอลลาร์ ตัวเลขรับจ้างอ่อนแอ แต่สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวสกัดทองขึ้น
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ คาดการณ์ว่าออกมามากกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเยอรมนีได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนต.ค. คาดการณ์ว่าออกมามากกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอังกฤษได้แก่ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย (HPI) เดือนต.ค. จาก Halifax คาดการณ์ว่าออกมาน้อยกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลเสียต่อราคาทองคำ
- กองทุนทองคํา SPDR ล่าสุดไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 880.83 ตัน
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่วง Sideways
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปี 2567
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ซื้อทองคำในจีนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงขาลง หุ้นและค่าเงินตก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีทางเลือกน้อยลงในการเก็บรักษาเงินในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อุปสงค์ทองคำในจีนยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในช่วงหลายปีข้างหน้าและกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกได้ถ่วงค่าเงินหยวน ขณะเดียวกันตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง
- ราคาทองคำเมื่อวานก่อนเปิดที่ 2018 ดอลลาร์ โดยที่ราคาทองลงไประดับต่ำสุดที่ราคา 2017 ดอลลาร์ ก่อนราคาจะพุ่งขึ้นมาปิดที่ราคา 2025 ดอลลาร์
มุมมองทองคำทาง Technical
เมื่อวันก่อนราคาทองคำปิดบวก 7 ดอลลาร์ รับตัวเลขจ้างงานอ่อนค่า แต่สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวสกัดทองขาขึ้น (+) ทั้งนี้หากราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2,041 – 2,058 ได้ นักเทรดสามารถพิจารณาเปิด Sell เพื่อทำกำไรระยะในระยะสั้นและตัดขาดทุนที่ระดับ 2,058 เหรียญ (-) ขณะที่ภาพรวมทองคำตอนนี้มองไปทิศทาง Sideways โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคําจะวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับที่ 2,010 ดอลลาร์ และ 2,000 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 2,040 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์
Technical View
แนวรับที่ 1 2010 แนวต้านที่ 1 2040
แนวรับที่ 2 2000 แนวต้านที่ 2 2050
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน ผู้ลงทุนไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจออกคำสั่งซื้อขาย และควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
