- เมื่อวันก่อนราคาทองปรับตัวขึ้น 7.28 ดอลลาร์
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐได้แก่ ดัชนีราคาบ้าน (HPI) m/m เดือนต.ค. คาดการณ์ว่าออกมาน้อยกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐได้แก่ ดัชนีราคาบ้านใน 20 รัฐ y/y เดือนต.ค. คาดการณ์ว่าออกมามากกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลเสียต่อราคาทองคำ
- กองทุนทองคํา SPDR ล่าสุดไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 878.25 ตัน
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่วง Sideways Up
- IMF เปิดเผยข้อมูลสัดส่วนทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ ระบุว่า ดอลลาร์มีสัดส่วน 59.2% ในกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลกในไตรมาส 3/2566 ลดลงจาก 59.4% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2565
- สัดส่วนของเงินยูโรในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงเล็กน้อย สู่ 19.6% จาก 19.7% ขณะที่สัดส่วนของเงินเยนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% จาก 5.3%
- สำหรับสัดส่วนเงินหยวนของจีน, ปอนด์ของอังกฤษ, ดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์แคนาดา รวมถึงฟรังก์สวิสนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่สัดส่วนของกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ เพิ่มขึ้นสู่ 3.9% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ จาก 3.6% ในไตรมาส 2/2566
- ราคาทองคำเมื่อวานก่อนเปิดที่ 2045 ดอลลาร์ โดยที่ราคาทองลงไประดับต่ำสุดที่ราคา 2045 ดอลลาร์ ก่อนราคาจะพุ่งขึ้นมาปิดที่ราคา 2052 ดอลลาร์
มุมมองทองคำทาง Technical
เมื่อวันก่อนราคาทองคำปิดบวก 7.28 ดอลลาร์ หลัง IMF ระบุบว่าดอลลาร์มีสัดส่วน 59.2% ในกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลกในไตรมาส 3/2566 ลดลงจาก 59.4% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 (+) ราคาทองคำมีแรงซื้อดันราคาเพิ่มขึ้น หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 2,049 – 2,031 ได้ นักเทรดสามารถพิจารณาเปิด Buy และพิจารณาปิดสถานะ Buy ทำกำไร หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน 2,070 – 2,089 ได้ (+) ขณะที่ภาพรวมทองคำตอนนี้มองไปทิศทาง Sideways Up โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคําจะวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับที่ 2,040 ดอลลาร์ และ 2,030 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 2,075 ดอลลาร์ และ 2,085 ดอลลาร์
Technical View
แนวรับที่ 1 2040 แนวต้านที่ 1 2075
แนวรับที่ 2 2030 แนวต้านที่ 2 2085
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน ผู้ลงทุนไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจออกคำสั่งซื้อขาย และควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
