logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2567

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.21 จุด หรือ 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 105.14 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.18 % มาอยู่ที่ระดับ 4.471% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.16 % มาอยู่ที่ระดับ 4.885% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.41% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • Goldman Sachs คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ คือในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 4
  • คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ธนาคารจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง การที่ธนาคารตัดสินใจลดดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องต่อไป ลาการ์ดกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม ธนาคารอาจมีการหยุดพักการลดดอกเบี้ยในบางช่วง เธอเน้นย้ำว่า ต้นทุนการกู้ยืมในยูโรโซนไม่มีแนวโน้มที่ตายตัว ธนาคารจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งทุกครั้งที่มีข้อมูลใหม่
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า BOJ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพียง 4.5 ล้านล้านเยน (2.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2556 ขณะที่ผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์กว่าครึ่งหนึ่งคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย.นี้ และมีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากที่คาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,868.04 จุด เพิ่มขึ้น 69.05 จุด หรือ +0.18%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,360.79 จุด เพิ่มขึ้น 13.80 จุด หรือ +0.26% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,192.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.40 จุด หรือ +0.35%
  • ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 1.96% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.3%
  • นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ เฟดจะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจ และการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 17.78 เหรียญ หรือ 0.78% อยู่ที่ระดับ 2,310.78 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 2,327.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 43.4 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 29.874 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 976.70 ดอลลาร์/ออนซ์

  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 835.67 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ซื้อสุทธิ 3.46 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 43.44 ตัน
  • ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองร่วงลง 65.90 ดอลลาร์ หรือ 2.76% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และลดลงเกือบ 1% ในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
  • เวียดนามมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัทต่างๆ นำเข้าทองคำได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เพื่อแก้ไขปัญหาราคาทองคำภายในประเทศที่แพงกว่าราคาตลาดโลก โดยรัฐบาลเวียดนามควบคุมการนำเข้าทองคำเกือบทั้งหมดตั้งแต่ปี 2012 โดยอนุญาตให้บริษัทใหญ่บางแห่งนำเข้าทองคำได้ เฉพาะเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับสำหรับการส่งออก การเปลี่ยนแปลงนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากนโยบายเดิมที่ธนาคารกลางควบคุม
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 2.93% ปิดที่ 77.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งแตะระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเดินทางในช่วงฤดูร้อน และอุปสงค์ในการใช้พลังงานเพื่อผ่อนคลายความร้อน ซึ่งจะทำให้อุปสงค์น้ำมันในตลาดมากกว่าอุปทานถึง 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน
  • รายงานของโกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) สามารถระงับหรือชะลอแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
  • ทั้งนี้ การคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. แม้ตลาดเผชิญปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น
  • นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันรายเดือนจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) และกลุ่มโอเปกในวันนี้ (11 มิ.ย.) รวมทั้งรายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันรายเดือนจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันพุธ
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม