
หน้าตาของ RSI เป็นอย่างไร?
1.เส้น RSI สีเหลืองมีค่าตั้งแต่ 0 – 100 โดยค่ากลางของ RSI อยู่ที่ 50
2.เส้นตรงด้านบนและล่าง บอกระดับความแรง 70 และ 30
3.โซนสีเขียว เรียกว่า โซน Overbought > 70 ส่วนโซนสีแดง เรียกว่า โซน Oversold < 30
ประโยชน์ของ RSI : ใช้ RSI ดูราคาซื้อ-ขาย ว่าอยู่นระดับ Peak แล้วหรือยัง?
วิธีการสังเกต คือ ให้ดูว่า RSI แตะระดับ Overbought หรือ Oversold หรือยัง เมื่อแตะระดับนั้นแล้วก็ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ระดับการขึ้นหรือลงของราคาอยู่ในระดับที่ Peak แล้ว

ถ้าเส้น RSI อยู่เหนือระดับ 70 เรียกว่า Overboughtราคาที่ซื้อมากเกินไป

ถ้าเส้น RSI อยู่ต่ำกว่าระดับ 30 เรียกว่า Oversold ราคาที่ขายมากเกินไป
การที่ RSI อยู่ใน Overbought Zone ราคาเป็นไปได้ 3 ทาง
1.ราคาขึ้นต่อ คือ RSI ไปแตะระดับ Overbought ที่ 70 แต่ไม่ลงมาต่ำกว่า 50 แล้วกลับไปแตะที่ 70 อีกครั้ง ซึ่งลักษณะแบบนี้บ่งบอกว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนและแข็งแรง

2.ราคาขึ้นพักตัว แล้วขึ้นต่อ โดยที่ RSI ไปแตะระดับ Overbought ที่ 70 แล้วลงมาต่ำกว่า 50 ได้ แต่ยังไม่แตะระดับ Oversold และกลับขึ้นไปที่ระดับ Overbought อีกครั้ง แสดงว่ายังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่าในรูปแบบแรก

3.ราคาขึ้น แล้วลง ตลาดยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน โดย RSI จะไป Peak ที่ระดับ Overbought แล้วลงมาต่ำถึงระดับ Oversold ซึ่งลักษณะนี้บ่งบอกว่าตลาดมีแนวโน้มที่ไม่แข็งแรง

ในทางตรงกันข้าม หาก RSI อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30 หรือที่เรียกกันว่า “Oversold Zone” ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าราคาสินค้าลดลงมากแล้ว ราคาจะเป็นไปได้ 3 ทาง เช่นกัน
1.ราคาลงต่อ คือ RSI แตะระดับ Oversold ที่ 30 แล้วกลับขึ้นมาแต่ไม่ถึง 50 และกลับไปแตะที่ระดับ Oversold อีกครั้ง โดยลักษณะนี้จะบ่งบอกว่าแนวโน้มขาลงมีความแข็งแรงสูง
2.ราคาลง เด้งขึ้นชั่วคราว แล้วลงต่อ โดยที่ RSI ไปแตะระดับ Oversold ที่ 30 แล้วขึ้นมาเกินเส้น 50 และกลับลงไปแตะที่ระดับ Oversold อีกครั้ง แสดงว่ายังเป็นแนวโน้มขาลงอยู่แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่าในรูปแบบแรก
3.ราคาลง แล้วกลับตัวขึ้น เป็นการเคลื่อนที่ของ RSI ไปแตะระดับ Oversold ที่ 30 แล้วขึ้นไปแตะระดับ Overbought ที่ 70 ซึ่งลักษณะนี้แสดงว่าเป็นแนวโน้มที่ไม่แข็งแรงและมีโอกาสพักตัวยาวๆค่อนข้างสูงจากค่า RSI ทำให้เราสามารถอ่านสภาวะตลาดได้และสามารถเลือกใช้กลยุทธในการเทรดที่เหมาะสมกับสภาพตลาดนั้นๆเพื่อให้มีความได้เปรียบในการเทรดให้มากที่สุด

โดยส่วนใหญ่ RSI มีประสิทธิภาพในการจับสัญญาณ Overbought, Oversold ในภาวะตลาดที่เป็น Sideway ซึ่งจะต่างจาก EMA และ MACD ที่จะใช้ได้ดีในตลาดที่มี Trend เมื่อไหร่ก็ตามที่ RSI แตะที่ระดับ Overbought สลับกับ Oversold และเราคาดการณ์ว่ากรอบราคาเป็นตลาด Sideway ก็จะเป็นการหาจังหวะในการเข้าที่จุดกลับตัวที่ค่อนข้างดีมากสำหรับการใช้ Indicator ตัวนี้
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=BgOjHcNuSJI&list=PLxcFCY6f8RaNOWE7xHYzUxiy3PUye6tTE&index=1