logo

ประโยชน์ 3 อย่างของ MACD

ประโยชน์ของ MACD มีทั้งหมด 3 บริบทด้วยกัน ดังนี้

  1. ใช้ MACD ดูความแรงของรอบราคา (Momentum)
  2. ใช้ MACD ดูสัญญาณทิศทางแนวโน้มของราคา (Trend) และดูการกลับตัว (Divergence)
  3. ใช้ MACD ดูสัญญาณซื้อขาย

1.ใช้ MACD ดูความแรงของรอบราคา (Momentum)

สิ่งแรกที่เราต้องรู้ในความแรงของราคานั้นให้เราดูที่ Center Line ว่าค่า MACD มีค่ามากกว่า 0 น้อยกว่า 0 หรือเท่ากับศูนย์ อย่างไรก็ตามถ้าค่า MACD > 0 หรือมีค่าเท่าบวก : แนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าค่า MACD < 0 : แนวโน้มขาลง

ตัวอย่าง 1 ให้พิจารณากรอบสีเหลืองด้านล่างทั้งสองฝั่งว่าข้อใดถูก

ข้อถูกคือ B เนื่องจากค่า MACD ติดลบอยู่ในช่วงขาลงแนวโน้มของราคามีความแข็งแรงที่น้อยลงกว่าในอดีตอาจจะเกิดสัญญาณการกลับตัวหรือ Sideway ได้

ตัวอย่าง 2 ให้พิจารณากรอบสีเหลืองด้านล่างทั้งสองฝั่งว่าข้อใดถูก

ข้อถูกคือ B เนื่องจากค่า MACD ฝั่งขวาเพิ่มขึ้นจากฝั่งซ้ายเป็นสัญญาณว่ามีความแข็งแรงน้อยลงหรือว่าแผ่วลง

ตัวอย่าง 3 ให้พิจารณากรอบสีเหลืองด้านล่างทั้งสองฝั่งว่าข้อใดถูก

ข้อถูกคือ A ค่า MACD ติดลบอยู่ในช่วงขาลง จะเห็นได้ว่าค่า MACD ติดลบมากขึ้นเลยเป็นสัญญาณที่ว่า Momentum ลงแรงซึ่งจังหวะแบบนี้เราควรหาจังหวะเทรด Sell หรือขายจะทำให้ทำกำไรได้สูงและเร็ว

2.ใช้ MACD ดูสัญญาณทิศทางแนวโน้มของราคา (Trend) และดูการกลับตัว (Divergence)

ในเบื้องต้นได้อธิบายถึง Momentum ไปแล้วต่อมาจะพูดถึงทฤษฎีเกี่ยวกับการ Divergence จะมีคำว่า Bullish คือขาขึ้นและ Bearish คืออยู่ในช่วงขาขึ้นมีโอกาสจะกลับไปในทิศขาลง ส่วนคำว่า Divergence คือ การที่ราคาและ indicator ไปคนละทางกัน เช่น

  • Strong Bullish Divergence ราคาอยู่ในขาลงแต่ Momentum อยู่ขาขึ้นอย่างชัดเจน
  • Strong Bearish Divergence ราคาอยู่ในขาขึ้นแต่ Momentum อยู่ขาลงอย่างชัดเจน
  • Medium Bullish Divergence ราคาอยู่ในขาลงอ่อนๆแต่ Momentum อยู่ขาขึ้น
  • Medium Bearish Divergence ราคาอยู่ในขาขึ้นอ่อนๆแต่ Momentum อยู่ขาลง
  • Weak Bullish Divergence ราคาอยู่ในขาลงแต่ Momentum อยู่ขาขึ้นอ่อนๆ
  • Weak Bearish Divergence ราคาอยู่ในขาขึ้นแต่ Momentum อยู่ขาลงอ่อนๆ
  • Hidden Bullish Divergence ราคาอยู่ขาขึ้นแต่ Momentum อยู่ขาลงอย่างชัดเจน
  • Hidden Bearish Divergence ราคาอยู่ขาลงแต่ Momentum อยู่ขาขึ้นอย่างชัดเจน

ในการเทรดแนะนำให้มองหาเฉพาะสัญญาณที่เป็น Strong เพราะมีโอกาสเกิดการกลับตัวได้สูงส่วนสัญญาณอื่นๆดูไว้เป็นความรู้ซึ่งโอกาสหรือการพยากรณ์เกิดขึ้นได้ต่ำ

MACD แบบที่ 1 สัญญาณการกลับตัวระยะสั้น เราจะดูค่า Signal line ตัดกับ MACD เป็นหลักจากรูปด้านซ้ายมือพบว่า เส้น MACD ตัดกับ Signal Line เราเรียกว่า Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของทิศทางราคาจากลงเป็นขึ้นในระยะสั้น ส่วนรูปด้านขวามือพบว่าเส้น MACD ตัดลงกับเส้น Signal Line เรียกว่า Death Cross ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของทิศทางราคาจากขึ้นเป็นลงในระยะเวลาสั้น

ตัวอย่างของ Golden Cross

ตัวอย่างของ Death Cross

MACD แบบที่ 2 สัญญาณการกลับตัวระยะกลางเราต้องดูค่า MACD ตัดเส้นศูนย์หรือเส้น Zero Line เมื่อไหร่ตามที่ MACD มากกว่าศูนย์มันบอกว่าในระยะกลางแนวโน้มมีทิศเป็นขาขึ้นแต่ถ้า MACD น้อยกว่าศูนย์เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าในระยะกลางแนวโน้มมีทิศเป็นขาลง ดังนั้นหากท่านทำการเทรดในระยะกลางท่านต้องรอคอนเฟิร์มจากค่า MACD

MACD แบบที่ 3 สัญญาณการกลับตัวระยะยาวเราต้องดูค่า Divergence ที่เป็นแบบ Strong ถ้าเราเห็นสัญญาณ Strong Bullish Divergence มีโอกาสที่ราคาจะร่วงลงมาจากขาขึ้นเป็นขาลงแต่เราเจอ Strong Bearish Divergence ก็มีโอกาสที่ราจะพุ่งขึ้นเช่นกัน แนะนำว่าหากเจอให้ทยอยปิดออเดอร์ออกบางส่วนหรือปิดทั้งหมด แต่ในกรณีที่ยังไม่มีออเดอร์ให้รอจังหวะที่เหมาะสมมากกว่านี้

ตัวอย่างการเกิด Bullish Divergence

ตัวอย่างการเกิด Bearish Divergence

3.ใช้ MACD ดูสัญญาณซื้อขาย

              การเทรดแบบใช้สัญญาณซื้อ-ขายเราต้องดูว่ากราฟอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงหรือว่ากำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือขาลง ถ้า MACD เป็นบวกเราควรจะเทรดในทิศทางขาขึ้นแต่ในทางกลับกันถ้า MACD เป็นลบเราจะเทรดในทิศทางขาลง และต้องดู Momentum และ Divergence ประกอบด้วย

ตัวอย่าง Trade Set Up

ตัวอย่าง การตั้ง Take Profit

ตัวอย่าง การตั้ง Stoploss

สรุป การใช้ MACD สามารถนำมาใช้เพื่อดู Momentum ของราคาเหมาะสำหรับการใช้เทรดคอนเฟิร์ม Trend ที่ชัดเจนและถือยาวๆ ซึ่งในช่วง Sideway อาจจะพบสัญญาณหลอกค่อนข้างเยอะและสัญญาณในการซื้อตามเงื่อนไขนี้นานๆทีอาจจะเกิดครั้ง

อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=yhPH2MIGSs0&list=PLxcFCY6f8RaNOWE7xHYzUxiy3PUye6tTE&index=10

Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

ทองคำปิดบวก 4.80 ดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าบวกตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน ส.ค.ของสหรัฐในคืนวันพรุ่งนี้ ส่วนวันพฤหัสมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า

อ่านเพิ่มเติม