เครื่องมือ Fedwatch tool ของ CME GROUP ชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 70.8% มีแนวโน้มที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย และให้น้ำหนักเพียง 29.2% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเฟดวันที่ 13-14 มิ.ย.
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08% อยู่ที่ระดับ 103.19 และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% มาอยู่ที่ระดับ 3.669% เมื่อคืนนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา พาวเวลล์ ชี้เฟดอาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากปัญหาธนาคารอาจกลับมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ส่วนทิศทางนโยบายการเงินของเฟดขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะหยุดพักการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ขณะที่เฟดจะประเมินกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา รวมทั้งผลกระทบต่อการให้สินเชื่อและสินเชื่อจากภาวะวิกฤตินภาคธนาคารที่เพิ่งเกิดขึ้น
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
มิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันศุกร์ว่า เฟดอาจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
เมื่อวันศุกร์ราคาทองคำปิดลบ 4 ดอลลาร์ หลัง GDP ประเทศอังกฤตลดตัวลง 0.3% ซึ่งการที่ปอนด์อ่อนค่าลงส่งผลให้ราคาทองคำโดนกดดันไปด้วย
สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวด อาหารและพลังงานรายเดือนและรายปี ออกมาลดลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดตอบรับในเชิงลบต่อราคาทองคําโดยมีแรงเทขายเข้ามา
